ผิวลอกที่จมูกเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล อากาศหนาว หรือเกิดจากการเช็ดจมูกบ่อยๆ ไม่น่าดูเลยเมื่อต้องส่องกระจกตอนเช้าแล้วเห็นผิวที่ลอกออกตามด้านข้างหรือด้านบนของจมูก ยิ่งเห็นชัดขึ้นเมื่อแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุง ซึ่งอาจส่งผลต่ออารมณ์ได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ผิวจะแห้งขึ้นเพราะอากาศเย็น และเมื่อไม่ได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ การลอกของผิวในบริเวณที่บอบบางอย่างจมูกก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ความจริงแล้ว สถานการณ์นี้อาจมีหลายสาเหตุ บางครั้งอากาศเย็นและลมอาจทำให้ผิวอ่อนแอลงและนำไปสู่การลอกของผิวบริเวณจมูก บางครั้งการดูแลผิวที่ไม่ถูกต้องหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรงเกินไปอาจทำลายสมดุลน้ำมันตามธรรมชาติของผิวและก่อให้เกิดการระคายเคืองที่จมูก นอกจากนี้ คงไม่ถูกต้องที่จะโทษปัจจัยภายนอกเพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งการเปลี่ยนแปลงในสมดุลภายในร่างกายของเราก็อาจส่งผลต่อสุขภาพผิวได้ เช่น การดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลอาจนำไปสู่ ผิวแห้ง และส่งผลให้เกิดการลอกที่จมูก

สาเหตุของผิวลอกที่จมูก
ผิวลอกที่จมูกอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย แม้ว่าแรกเห็นอาจดูเหมือนเป็นเพียงผิวแห้งธรรมดา แต่สาเหตุที่แท้จริงนั้นค่อนข้างหลากหลาย การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้มีความสำคัญมากในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะแทนที่จะเพียงแค่ทาครีมบำรุงผิวอย่างผิวเผิน การหาวิธีแก้ไขถาวรด้วยการเข้าถึงต้นเหตุของปัญหาจะมีประสิทธิภาพมากกว่า มาดูสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของผิวลอกที่จมูกกันอย่างละเอียด
1. ผิวแห้งและการสูญเสียความชุ่มชื้น
หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการลอกที่จมูกคือ ผิวแห้ง ผิวของเราผลิตน้ำมันและความชุ่มชื้นตามธรรมชาติในปริมาณหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อสมดุลนี้ถูกรบกวนด้วยปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะในบริเวณเช่นจมูกที่สัมผัสกับปัจจัยภายนอกมากกว่า ความแห้งก็จะปรากฏขึ้น ผิวที่แห้งจะเริ่มลอกและหลุดลอกเมื่อเวลาผ่านไป
โดยเฉพาะ อากาศหนาว จะรบกวนสมดุลความชุ่มชื้นของผิวและทำให้เกิดความแห้ง ในช่วงฤดูหนาว การสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวจะเร่งตัวขึ้นเมื่ออากาศเย็นและแห้งจากภายนอกผสมผสานกับเครื่องทำความร้อนในพื้นที่ปิด ในฤดูร้อน การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวที่จมูกแห้งและเกิดการลอก
นอกจากนี้ การดื่มน้ำไม่เพียงพอ ก็มีส่วนทำให้ผิวแห้ง หากเราไม่ดื่มน้ำให้เพียงพอในระหว่างวัน ผิวอาจแห้งจากภายในสู่ภายนอก ส่งผลให้การลอกของผิวพบได้บ่อยขึ้นในบริเวณที่บอบบางเช่นจมูก
2. การเช็ดจมูกมากเกินไปและการใช้กระดาษทิชชู
โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นไข้หวัด หวัด หรือภูมิแพ้ การเช็ดจมูกบ่อยๆ อาจระคายเคืองผิวที่จมูกและนำไปสู่การลอก พื้นผิวที่หยาบของกระดาษทิชชูทำให้ผิวที่จมูกบอบบาง และที่ขอบจมูกที่ถูกเสียดสีบ่อยๆ จะเกิดความแห้งและการลอก
บางครั้งการทำความสะอาดจมูกมากเกินไปก็อาจระคายเคืองผิวได้ เช่น การเช็ดจมูกด้วยผ้าขนหนูที่หยาบหรือการสัมผัสจมูกบ่อยๆ อาจทำให้ผิวอ่อนแอลงและเกิดการลอก
3. การดูแลผิวที่ไม่ถูกต้องและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงเกินไป
จมูกเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่บอบบางที่สุดบนใบหน้าของเรา บางครั้งการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในบริเวณนี้ โดยเฉพาะ โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่รุนแรงเกินไป หรือสบู่ อาจทำลายสมดุลน้ำมันตามธรรมชาติของผิวและทำให้เกิดความแห้งและการลอกของผิวที่จมูก
นอกจากนี้ การสครับผิวบ่อยเกินไป อาจทำให้เกิดการลอกที่จมูก แม้ว่าการสครับจะมีประโยชน์ในการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่เมื่อทำบ่อยเกินไป อาจทำลายผิวได้ ส่งผลให้ผิวไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ และอาจเกิดการระคายเคือง แดง และลอกที่จมูก
4. อันตรายจากแสงแดด
แสงแดดสามารถทั้งมีประโยชน์และเป็นอันตรายต่อผิว รังสียูวี อาจทำลายชั้นผิวบนสุดและทำให้เกิดความแห้งและการลอก เนื่องจากจมูกเป็นพื้นที่ที่สัมผัสกับแสงแดดมากในฤดูร้อน ผิวในบริเวณนี้อาจระคายเคืองได้เร็วขึ้น
การไม่ใช้ครีมกันแดดอาจทำให้เกิดทั้งการไหม้แดดและการลอก หากการลอกที่จมูกเกิดขึ้นในฤดูร้อนหรือขณะเล่นสกีในฤดูหนาว นี่อาจเป็นผลมาจากอันตรายของแสงแดด
5. โรคผิวหนัง (โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคสะเก็ดเงิน และอื่นๆ)
บางครั้งการลอกของผิวที่จมูกไม่ได้เกิดจากความแห้งหรือการระคายเคืองเพียงอย่างเดียว โรคผิวหนังเรื้อรังเช่นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคผิวหนังอักเสบจากความมัน อาจทำให้เกิดการลอกในบริเวณจมูก
- โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังทำให้ผิวแห้งมากและบอบบาง อาจแสดงอาการเป็นผื่นแดง คัน และลอกที่ขอบจมูก
- โรคผิวหนังอักเสบจากความมันเป็นสภาวะผิวที่พบได้โดยเฉพาะที่ขอบจมูกและบริเวณคิ้วด้วยการลอกที่มีความมัน
- โรคสะเก็ดเงินทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวที่ผิดปกติอย่างรวดเร็วและอาจนำไปสู่การลอกเป็นสะเก็ดที่จมูก
ในกรณีเหล่านี้ การทาครีมบำรุงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากมีการลอกซ้ำๆ อาการคัน หรือแดงที่จมูก ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง
6. การขาดสารอาหารและวิตามิน
การบริโภคสารอาหารที่ถูกต้องมีความสำคัญมากต่อผิวที่แข็งแรง วิตามิน A, C, E และไขมันที่ดีช่วยรักษาความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว หากอาหารของเราขาดวิตามินเหล่านี้ ผิวอาจแห้งและอาจเกิดการลอกที่จมูก
โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า-3 ช่วยเสริมสร้างผิวกำพร้าธรรมชาติที่เก็บความชุ่มชื้น หากอาหารของเราขาดไขมันที่ดี (เช่น จากปลา ถั่ว อะโวคาโด) อาการผิวแห้งอาจแย่ลง การขาดธาตุเหล็กก็อาจส่งผลต่อสุขภาพผิวและทำให้เกิดความแห้งที่จมูกและบริเวณอื่นๆ
วิธีการรักษาผิวลอกที่จมูก
ในการรักษาผิวลอกที่จมูก สิ่งสำคัญคือต้องระบุสาเหตุก่อน หากเกิดจากความแห้ง การให้ความชุ่มชื้นอาจเพียงพอ อย่างไรก็ตาม หากการลอกเกี่ยวข้องกับ ภูมิแพ้ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือการติดเชื้อ จำเป็นต้องใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกัน นี่คือคำอธิบายของวิธีการเหล่านี้ทีละขั้นตอน:
1. การให้ความชุ่มชื้นเมื่อมี ผิวลอกที่จมูก
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการลอกที่จมูกคือ ผิวแห้ง ดังนั้น การรักษาความชุ่มชื้นของผิวจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด
- ครีมบำรุงผิว: ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่มีกรดไฮยาลูโรนิก กลีเซอรีน หรือเชียบัตเตอร์ สารเหล่านี้เพิ่มความสามารถในการเก็บความชุ่มชื้นของผิวและป้องกันการลอก
- น้ำมันธรรมชาติ: น้ำมันธรรมชาติเช่นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันโจโจบาบำรุงผิวและป้องกันความแห้ง
- มาส์กบำรุงผิว: มาส์กบำรุงผิวที่ใช้สัปดาห์ละหลายครั้งสามารถป้องกันผิวลอกที่จมูก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
สำคัญ: ผิวต้องสะอาดก่อนทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มิฉะนั้นสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วอาจอุดตันรูขุมขน
2. การใช้วิธีทำความสะอาดที่ถูกต้อง
อีกสาเหตุหนึ่งของ ผิวลอกที่จมูก คือนิสัยการทำความสะอาดที่ไม่ถูกต้อง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรงและการล้างหน้าบ่อยเกินไปอาจระคายเคืองผิว
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยน สบู่หรือโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์อาจทำให้ผิวแห้ง
- ไม่ใช้น้ำร้อนล้างหน้า น้ำอุ่นช่วยปกป้องผิวกำพร้าและป้องกันความแห้ง
- ไม่ถูผิวแรงๆ ด้วยผ้าขนหนู แทนที่จะทำเช่นนั้น ให้ซับเบาๆ ด้วยการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล ใช้ผ้านุ่มหรือกระดาษทิชชู
3. การสครับเพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วอาจทำให้การลอกแย่ลง ดังนั้น การ สครับ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ จึงมีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังบางประการ:
- ใช้ผลิตภัณฑ์สครับที่อ่อนโยน สครับที่มีเม็ดหยาบอาจระคายเคืองผิวมากขึ้น
- อาจเลือกใช้สครับเคมี ผลิตภัณฑ์สครับที่มี AHA และ BHA กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน
- ทาครีมบำรุงผิวหลังสครับเสมอ มิฉะนั้น ผิวอาจแห้งมากขึ้น
หากบริเวณจมูกบอบบางมาก อาจข้ามการสครับไปเลย เพราะการสครับมากเกินไปอาจ เพิ่มการระคายเคืองและทำให้การลอกแย่ลง
4. การใช้ครีมกันแดด
แสงแดดอาจทำให้ผิวแห้งและเกิดการลอก ดังนั้น การ ใช้ครีมกันแดด จึงสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน
- ควรเลือกครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30
- ใช้ครีมกันแดดไม่เฉพาะในฤดูร้อนแต่ในฤดูหนาวด้วย อากาศเย็นและลมก็อาจทำให้ผิวแห้งและเกิดการลอก
- ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง ประสิทธิภาพของมันอาจลดลงตามเวลา
5. การป้องกันภูมิแพ้และการระคายเคือง
อีกสาเหตุหนึ่งของการลอกที่จมูกคือ ภูมิแพ้และการระคายเคือง หากคนเช็ดจมูกบ่อยหรือใช้กระดาษทิชชูที่หยาบ ผิวอาจบอบบางและเริ่มลอก
- ใช้กระดาษทิชชูนุ่มสำหรับผิวบอบบาง อาจเลือกใช้ผ้าเปียกแทนกระดาษทิชชูที่หยาบ
- เบามือเมื่อเช็ดจมูก แรงกดมากเกินไปอาจเพิ่มการระคายเคือง
- สำหรับการลอกที่เกิดจากภูมิแพ้ อาจใช้ยาต้านฮิสตามีนภายใต้การดูแลทางการแพทย์
6. คำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังเกี่ยวกับ ผิวลอกที่จมูก
หาก ผิวลอกที่จมูก เป็นเรื้อรังหรือรุนแรง ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง เพราะบางครั้งสภาวะนี้ไม่ใช่แค่ความแห้งธรรมดา แต่อาจเป็น สัญญาณของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคสะเก็ดเงิน หรือการติดเชื้อรา
- ครีมคอร์ติโซน: สำหรับสภาวะเช่นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง แพทย์อาจสั่งจ่ายครีมคอร์ติโซนอ่อนๆ อย่างไรก็ตาม ครีมเหล่านี้ ต้องไม่ใช้โดยไม่มีการดูแลทางการแพทย์
- ยาต้านเชื้อรา: หากการลอกเกิดจากการติดเชื้อรา แพทย์อาจสั่งจ่ายครีมหรือยาต้านเชื้อรา
- ครีมบำรุงผิวทางการแพทย์พิเศษ: แพทย์ผิวหนังอาจแนะนำครีมบำรุงผิวทางการแพทย์ที่เหมาะกับประเภทผิว